ชนิดของ Wolffia ที่นิยมนำมาเพาะเลี้ยง มีสายพันธ์ุไหนบ้าง

ผำมีกี่ชนิด

Wolffia หรือผำ เป็นพืชน้ำที่เติบโตเร็วและอุดมไปด้วยสารอาหาร จึงได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นทั้งในแง่อาหารเพื่อสุขภาพและการเกษตรยั่งยืน แม้ว่า Wolffia จะมีมากถึง 9–11 สายพันธุ์ทั่วโลก แต่ไม่ใช่ทุกชนิดที่เหมาะกับการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์หรือใช้ในการบริโภค ในปัจจุบันมีเพียงบางสายพันธุ์เท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือกและพัฒนาเพื่อนำมาเลี้ยงในระบบฟาร์ม เช่น Wolffia globosa, Wolffia arrhiza, Wolffia microscopica และ Wolffia australiana ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีคุณลักษณะเฉพาะ เช่น ความเร็วในการเจริญเติบโต ปริมาณโปรตีน และความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับสายพันธุ์ที่นิยมนำมาเพาะเลี้ยง พร้อมจุดเด่นที่ควรรู้ก่อนเริ่มต้นปลูกผำเอง

 

ชนิดของ ผำ หรือ Wolffia

ผำแต่ละชนิด แต่ละสายพันธ์ุ มีความแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย นี่คือรายชื่อของผำ หรือ wolffia แต่ละชนิด

ตารางชนิดของ Wolffia ที่นิยม

ชื่อสายพันธุ์ ถิ่นกำเนิด/ประเทศที่พบ คุณค่าทางโภชนาการ (โดยประมาณ) แหล่งที่พบ / เพาะเลี้ยง
Wolffia globosa ไทย, เวียดนาม, จีน, อินเดีย โปรตีนสูง (20–30%), วิตามิน B12, C, A, E, ใยอาหารสูง เพาะเลี้ยงได้ดีในแหล่งน้ำตื้น แสงจำไร
Wolffia arrhiza ยุโรป, เอเชียกลาง, แอฟริกา โปรตีนปานกลาง, มีสารต้านโภชนาการสูงกว่าสายพันธุ์อื่น พบในธรรมชาติ (แหล่งน้ำขัง, หนองบัว), ไม่ค่อยเพาะเลี้ยง
Wolffia australiana ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์ โปรตีนสูง ใกล้เคียง globosa, เสถียรต่อการแปรรูป พบในแหล่งน้ำธรรมชาติ, ใช้ในการวิจัยบางประเทศ
Wolffia borealis แคนาดา, สหรัฐฯ (โซนอากาศเย็น) โปรตีน 18–25%, วิตามินต่ำกว่าสายพันธุ์เขตร้อน พบในบึงน้ำลึกที่มีแสงแดดพอประมาณ
Wolffia brasiliensis บราซิล, อเมริกาใต้ โปรตีนกลาง (~20%), เส้นใยพอประมาณ, แร่ธาตุหลากหลาย พบในแม่น้ำไหลเอื่อย อุณหภูมิคงที่
Wolffia columbiana อเมริกากลาง, โคลอมเบีย, เอลซาวาดอร์ โปรตีนสูง (~25–28%), วิตามินหลากหลาย เพาะเลี้ยงได้ในห้องควบคุมแสงใช้ในการวิจัย
Wolffia cylindracea แอฟริกา (เขตร้อน) ข้อมูลโภชนาการจำกัด, โปรตีนต่ำกว่าสายอื่น พบในน้ำตื้นบริเวณชายป่า หรือที่ร่ม
Wolffia elongata จีน, เกาหลี, ญี่ปุ่น โปรตีน ~22–26%, มีวิตามิน B12 สูง, คล้าย globosa พบเฉพาะบางท้องถิ่นที่มีอุณหภูมิสูง
Wolffia microscopica อินเดีย โปรตีนสูง (~28–30%), มีสารต้านอนุมูลอิสระเด่นชัด นิยมเพาะเลี้ยงในงานวิจัยและอุตสาหกรรมอาหารเสริม
Wolffia neglecta สหรัฐฯ บางรัฐ (เช่น แคลิฟอร์เนีย) โปรตีน ~20%, วิตามินปานกลาง พบในบึงธรรมชาติ มีฤดูกาลชัดเจน
Wolffia angusta เอเชียใต้, ออสเตรเลียบางพื้นที่ โปรตีน 18–24%, ข้อมูลโภชนาการยังจำกัด พบในแหล่งธรรมชาติ ไม่ค่อยเพาะเลี้ยง

ในประเทศไทย “ผำ” ที่นิยมนำมาบริโภคและเพาะเลี้ยงมีอยู่หลัก ๆ เพียงหนึ่งชนิดเท่านั้น คือ Wolffia globosa หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ไข่ผำ” หรือ “ผำกลม” เป็นพืชน้ำขนาดเล็กที่สุดในโลก ลอยอยู่บนผิวน้ำ ลักษณะกลม สีเขียวสด เติบโตเร็ว และอุดมไปด้วยสารอาหาร โดยเฉพาะโปรตีนสูง วิตามิน B12 ใยอาหาร และแร่ธาตุจำเป็น รสชาติของผำชนิดนี้ค่อนข้างจืด ละมุน ไม่มีรสขื่น จึงกลมกลืนได้ดีกับอาหารไทยหลายชนิด และสามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลายรูปแบบ อีกหนึ่งชนิดที่พบได้ในธรรมชาติของไทยแต่ไม่ค่อยนิยมบริโภค คือ Wolffia arrhiza หรือ “ผำไร้ราก” มีลักษณะแบนกว่า สีเขียวหม่น และอาจมีกลิ่นโคลนหรือรสขื่น จึงไม่นิยมเพาะเลี้ยงเพื่อการกิน แต่บางพื้นที่ใช้ในงานทดลองหรืองานอนุรักษ์น้ำ

โดยรวมแล้ว ผำที่คนไทยนิยมบริโภคและสามารถเพาะเลี้ยงได้ง่ายในระดับครัวเรือนหรือเชิงพาณิชย์ ก็คือ Wolffia globosa เพียงสายพันธุ์เดียวเท่านั้น

 

ผำชนิดไหนทานได้ และชนิดไหนทานไม่ได้?

จากสายพันธุ์ Wolffia ทั้งหมดที่มีการจำแนกไว้ 11 ชนิดทั่วโลก มีเพียงบางชนิดเท่านั้นที่ได้รับการยอมรับว่า ปลอดภัยและเหมาะสำหรับการบริโภค ทั้งในแง่ของโภชนาการและรสสัมผัส โดยชนิดที่ นิยมบริโภค อย่างชัดเจน ได้แก่

  • Wolffia globosa  เป็นสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีโปรตีนสูง รสจืด ละมุน ไม่มีกลิ่นขื่น เหมาะกับการนำไปต้ม ผัด ปั่น หรือแปรรูป
  • Wolffia microscopica  พบในอินเดีย มีการศึกษาเชิงโภชนาการรองรับ โปรตีนสูง เหมาะกับการแปรรูปเป็นอาหารเสริม
  • Wolffia columbiana  ในบางประเทศ เช่น อเมริกากลางและใต้ มีการวิจัยและบริโภคในรูปแบบผงหรือเครื่องดื่ม
  • Wolffia australiana  มีการทดลองใช้ในออสเตรเลียสำหรับบริโภคร่วมกับอาหารพืชอื่น ๆ

ในขณะที่ สายพันธุ์อื่น เช่น

    • Wolffia arrhiza
    • Wolffia brasiliensis
    • Wolffia borealis
    • Wolffia elongata
    • Wolffia angusta
    • Wolffia cylindracea
    • Wolffia neglecta

ยัง ไม่มีการรับรองด้านการบริโภคในเชิงอุตสาหกรรมหรืออาหารทั่วไป เนื่องจากอาจมีรสขม กลิ่นโคลน หรือข้อมูลโภชนาการและความปลอดภัยยังไม่เพียงพอ ส่วนใหญ่จึงถูกใช้ในงานวิจัยด้านชีววิทยา บำบัดน้ำเสีย หรืออนุรักษ์สิ่งแวดล้อมมากกว่า

ดังนั้นจาก 11 ชนิด มีเพียง 4 สายพันธุ์ เท่านั้นที่สามารถบริโภคได้จริงในระดับอาหารหรือผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ได้แก่ Wolffia globosa, Wolffia microscopica, Wolffia columbiana และ Wolffia australiana ส่วนที่เหลือยัง ไม่เหมาะสำหรับการกินโดยตรง และควรใช้ในงานวิจัยหรือสภาพควบคุมเท่านั้น หากต้องการทาน ผำ หรือ Wolffia หรือจะนำไปเพาะเลี้ยงเอง ควรศึกษาผำชนิดนั้นๆให้ดีก่อน ว่าควรทาน หรือ ควรเพาะเลี้ยงไว้หรือไม่ เพราะไม่ใช่ทุกชนิดที่จะนำมาทานได้ หากนำชนิดที่ไม่เหมาะแก่การมารับประทาน มาทานหรือนำมาปรุงอาหาร ก็อาจจะให้โทษมากกว่าให้ประโยชน์แก่คุณได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณ ว่าคุณต้องการผำ หรือ wolffia นั้นๆไปใช้ประโยชน์ในทางไหน

เนื้อหาใกล้เคียง