เปิดตัว Wolffia plus และ อบรมเชิงปฏิบัติการ การเพาะเลี้ยงผำเชิงพาณิชย์ ตามมาตรฐาน GAP

เปิดตัว Wolffia plus
เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 งาน อบรมเชิงปฏิบัติการการเพาะเลี้ยงผำเชิงพาณิชย์ตามมาตรฐาน GAP จัดขึ้นอย่างคึกคักโดย Wolffia Plus ณ คาระวีรีสอร์ท และเกตนภาฟาร์ม จังหวัดลำพูน งานนี้ได้รับความสนใจจากกลุ่มเกษตรกร นักวิจัย ผู้ประกอบการ และยังมีเหล่า อินฟลูเอนเซอร์ด้านสุขภาพและการเกษตร เข้าร่วมถ่ายทอดเรื่องราวผ่านช่องทางออนไลน์อย่างกว้างขวาง ตลอดการอบรม ผู้เข้าร่วมได้เรียนรู้ทั้งแนวทางการเพาะเลี้ยงผำให้ได้มาตรฐาน GAP, กระบวนการยื่นขอมาตรฐาน และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Smart Farm ในการเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์ พร้อมกิจกรรมเยี่ยมชมฟาร์มจริงที่สะท้อนถึงศักยภาพของผำไทยในฐานะแหล่งโปรตีนสีเขียวแห่งอนาคต

Wolffia Plus

Wolffia Plus คือแบรนด์ที่เกิดขึ้นจากความตั้งใจในการพัฒนาการเพาะเลี้ยงผำ (Wolffia globosa) สู่มาตรฐานใหม่ของโปรตีนพืชทางเลือก ด้วยแนวคิดการเกษตรยุคใหม่ที่ผสานเทคโนโลยี Smart Farm เข้ากับหลักการผลิตตามมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัย มีคุณภาพสูง และตอบโจทย์ตลาดสุขภาพในอนาคต เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 Wolffia Plus ได้เปิดตัวโรงเพาะเลี้ยงผำแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ พร้อมจัดงานอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงผำเชิงพาณิชย์ตามมาตรฐาน GAP และต้อนรับเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ด้านสุขภาพ การเกษตร และนวัตกรรมอาหารที่มาร่วมงานอย่างคับคั่ง เพื่อร่วมเปิดประสบการณ์ใหม่สู่อนาคตของโปรตีนพืชสะอาดในประเทศไทย

ใส่รูปที่ถ่ายมา

กิจกรรมภายในงาน

ภายในงานเปิดตัวโรงเพาะเลี้ยง “Wolffia” และการอบรมเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงผำตามมาตรฐาน GAP มีกิจกรรมมากมายที่จัดขึ้นอย่างคึกคัก เพื่อสร้างประสบการณ์ตรงให้กับผู้เข้าร่วมงาน ทั้งกลุ่มเกษตรกร ผู้ประกอบการ นักวิจัย และเหล่าอินฟลูเอนเซอร์สายสุขภาพและนวัตกรรมอาหาร กิจกรรมสำคัญประกอบด้วย การเยี่ยมชมโรงเรือนเพาะเลี้ยงผำอัจฉริยะ การสาธิตการเพาะเลี้ยงผำแบบควบคุมคุณภาพตามแนวทาง GAP กิจกรรมแจกตัวอย่างผลิตภัณฑ์ เช่น คุกกี้ไข่ผำ และผำสด พร้อมทั้งมีการอบรมเชิงลึกเกี่ยวกับเทคโนโลยี Smart Farm และกระบวนการขอใบรับรอง GAP เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตเชิงพาณิชย์ในอนาคต บรรยากาศของงานเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แลกเปลี่ยนความรู้ และแรงบันดาลใจในการต่อยอดผำสู่ตลาดใหม่

กิจกรรมภายในงาน

กิจกรรมภายในงาน

กิจกรรมภายในงาน

กิจกรรมภายในงาน

กิจกรรมภายในงาน

 

GAP คืออะไร

GAP หรือ แนวปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี คือหลักการจัดการกระบวนการผลิตพืชอาหารที่มีเป้าหมายสำคัญในการลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนสิ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคในอาหาร เช่น สารเคมีตกค้าง เชื้อโรค โลหะหนัก หรือสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ กระบวนการ GAP ครอบคลุมตั้งแต่การเตรียมพื้นที่เพาะปลูก การคัดเลือกวัตถุดิบ การใช้น้ำและปุ๋ยอย่างถูกต้อง การควบคุมศัตรูพืช ไปจนถึงการเก็บเกี่ยว การขนส่ง และการจัดเก็บผลผลิตหลังการเก็บเกี่ยว เป้าหมายคือการลดโอกาสการปนเปื้อนในทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในกรณีเกิดปัญหา GAP ยังช่วยยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยอาหารของประเทศ ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพ และรองรับการขยายตลาดสู่ระดับสากลในอนาคต

GAP กำหนดให้ผู้ผลิตต้องใส่ใจทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ ตั้งแต่

  • การเลือกพื้นที่ผลิตที่เหมาะสม
  • การใช้วัตถุดิบ เช่น พันธุ์พืช น้ำ ปุ๋ย และสารเคมีอย่างถูกต้อง
  • การควบคุมสภาพแวดล้อมในการผลิต
  • การเก็บเกี่ยวอย่างถูกสุขลักษณะ
  • และการเก็บบันทึกข้อมูลการปฏิบัติงานทุกขั้นตอน เพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนหลังได้หากมีปัญหา

GAP มุ่งเน้นครอบคลุม 4 ด้านสำคัญ ดังนี้

1. ความปลอดภัยอาหาร (Food Safety)

GAP ให้ความสำคัญสูงสุดกับการลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้บริโภค ไม่ว่าจะเป็นการปนเปื้อนของสารเคมีตกค้าง เชื้อโรค หรือสิ่งแปลกปลอมในผลผลิต กระบวนการผลิตทุกขั้นตอนตั้งแต่การเลือกพื้นที่ การใช้น้ำ การใช้วัตถุดิบและสารเคมีต้องอยู่ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด เพื่อให้แน่ใจว่าผลผลิตที่ได้มีความปลอดภัย ปราศจากสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตราย และสามารถบริโภคได้อย่างมั่นใจ

2. คุณภาพผลผลิต (Product Quality)

นอกจากความปลอดภัยแล้ว GAP ยังมุ่งยกระดับคุณภาพของผลผลิตให้ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นขนาด รูปร่าง สี กลิ่น รสชาติ และอายุการเก็บรักษา ผลผลิตที่มีคุณภาพดีอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในประเทศ แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศที่มีมาตรฐานสูง ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรได้อย่างยั่งยืน

3. สุขภาพและความปลอดภัยของผู้ปฏิบัติงาน (Worker Health and Safety)

GAP ตระหนักถึงความสำคัญของผู้ปฏิบัติงานในระบบเกษตรกรรม โดยกำหนดให้มีมาตรการป้องกันอันตรายจากการสัมผัสสารเคมี เช่น การอบรมการใช้งานสารเคมีอย่างถูกต้อง การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE) และการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัย สิ่งเหล่านี้ช่วยลดอุบัติเหตุและผลกระทบทางสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นกับแรงงานในระยะยาว

4. การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม (Environmental Protection)

การผลิตตามแนวทาง GAP ต้องคำนึงถึงการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ลดการใช้สารเคมีที่ก่อให้เกิดการปนเปื้อนในดินและแหล่งน้ำ ส่งเสริมการใช้เทคนิคการเกษตรที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้ปุ๋ยอินทรีย์ การจัดการน้ำอย่างประหยัด และการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อรักษาสมดุลของระบบนิเวศในระยะยาว

คุณสมบัติของเกษตรกรที่ขอ GAP

การขอรับรองมาตรฐาน GAP (Good Agricultural Practices) สำหรับการผลิตพืชอาหาร ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็สามารถยื่นได้โดยไม่มีเงื่อนไข ผู้ที่ต้องการขอรับรองจะต้องมีคุณสมบัติตามที่กรมวิชาการเกษตรกำหนด เพื่อให้แน่ใจว่ามีความพร้อมทั้งในด้านพื้นที่ ความสมัครใจ และประวัติการดำเนินงาน ดังต่อไปนี้

1. ต้องเป็นเจ้าของหรือได้รับสิทธิ์ใช้พื้นที่ถูกต้องตามกฎหมาย

เกษตรกรต้องมีเอกสารสิทธิ์ที่ชัดเจนในการครอบครองหรือใช้พื้นที่เพาะปลูกหรือเพาะเลี้ยง เช่น

  • โฉนดที่ดิน
  • สัญญาเช่า หรือหนังสือให้สิทธิ์จากเจ้าของที่ดิน
  • หนังสืออนุญาตใช้พื้นที่จากรัฐ หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

เหตุผลคือ เพื่อป้องกันปัญหาการบุกรุกพื้นที่สาธารณะหรือพื้นที่อนุรักษ์ และเพื่อให้แน่ใจว่าการผลิตพืชอาหารเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่สร้างผลกระทบต่อชุมชนหรือสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

2. ต้องสมัครใจยื่นขอรับรอง GAP และปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนด

การขอ GAP ต้องเกิดจากความสมัครใจของผู้ผลิตเอง ไม่ใช่การถูกบังคับ เพราะการปฏิบัติตามมาตรฐาน GAP ต้องอาศัยความตั้งใจจริงในการดำเนินงาน เช่น

  • ปฏิบัติตามขั้นตอนการผลิตที่กำหนด
  • ยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าตรวจประเมินฟาร์ม
  • บันทึกข้อมูลการเพาะปลูกหรือเพาะเลี้ยงอย่างละเอียดในสมุดบันทึก GAP
  • พร้อมปรับปรุงและแก้ไขหากตรวจพบข้อบกพร่องระหว่างการตรวจติดตาม

ผู้ขอรับรองต้องมีความเข้าใจว่า การรักษามาตรฐาน GAP เป็นกระบวนการต่อเนื่อง ไม่ใช่เพียงเพื่อให้ได้ใบรับรองเท่านั้น แต่เพื่อยกระดับคุณภาพผลผลิตในระยะยาว

3. ต้องไม่เคยถูกเพิกถอนใบรับรอง GAP ภายในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา

หากเกษตรกรเคยได้รับใบรับรอง GAP แล้วถูกเพิกถอน เนื่องจากการฝ่าฝืนข้อกำหนด เช่น

  • การใช้วัตถุอันตรายต้องห้าม
  • การละเมิดหลักความปลอดภัยอาหาร
  • การปลอมแปลงข้อมูลการผลิต จะต้องรอให้พ้นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 1 ปีนับจากวันที่ถูกเพิกถอน ก่อนจึงจะสามารถยื่นขอรับรองใหม่ได้

มาตรการนี้มีขึ้นเพื่อรักษาความเข้มงวดของระบบ GAP ไม่ให้เกิดการรับรองซ้ำซ้อนกับผู้ที่ขาดความรับผิดชอบในการผลิตที่ปลอดภัย

สัญญาเช่า หรือหนังสืออนุญาตการใช้พื้นที่จากหน่วยงานรัฐ เพื่อยืนยันว่าการผลิตดำเนินการอย่างถูกต้อง ไม่บุกรุกพื้นที่สาธารณะ นอกจากนี้ ผู้ขอรับรองจะต้องสมัครใจดำเนินการตามมาตรฐาน GAP ทุกขั้นตอน เช่น การควบคุมการผลิต บันทึกข้อมูล และยินยอมให้ตรวจประเมินตลอดระยะเวลาการรับรอง โดยต้องมีความเข้าใจว่าการได้ GAP ไม่ใช่แค่การขอใบรับรอง แต่คือการรักษาคุณภาพผลผลิตอย่างต่อเนื่อง และสุดท้าย ผู้ขอจะต้องไม่เคยถูกเพิกถอนใบรับรอง GAP ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อรักษาความน่าเชื่อถือของระบบมาตรฐาน GAP และความปลอดภัยของผลผลิตสำหรับผู้บริโภคอย่างแท้จริง

 

ข้อกำหนดสำคัญ 8 หมวด

ข้อกำหนดสำคัญ 8 หมวด (สำหรับไข่ผำ หรือ ผำ)

มาตรฐาน GAP พืชอาหาร (มกษ.9001-2564) กำหนดข้อปฏิบัติสำคัญออกเป็น 8 หมวดหลัก ซึ่งเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงไข่ผำ (Wolffia spp.) ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดในทุกขั้นตอน เพื่อให้แน่ใจว่าการผลิตมีความปลอดภัย มีคุณภาพ และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ครบถ้วน

1. น้ำ

น้ำที่ใช้ในการเพาะเลี้ยงไข่ผำต้องสะอาด ปราศจากสารปนเปื้อน เช่น โลหะหนัก เชื้อโรค หรือสารเคมีอันตราย ต้องมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำเป็นระยะ (เช่น pH, ค่า DO, การปนเปื้อน) และ ต้องเลือกแหล่งน้ำที่ไม่เสี่ยงต่อมลภาวะ เช่น ไร่น้ำเสีย หรือน้ำทิ้งจากอุตสาหกรรม

2. พื้นที่เพาะเลี้ยง

สถานที่เพาะเลี้ยงไข่ผำต้องตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีความเหมาะสม ไม่ใกล้แหล่งปนเปื้อน เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ท่อระบายน้ำเสีย หรือฟาร์มสัตว์ ต้องมีระบบจัดการพื้นที่ เช่น การป้องกันสัตว์พาหะ การระบายน้ำออกจากฟาร์มที่เหมาะสม

3. วัตถุอันตราย (สารเคมีและปัจจัยการผลิต)

ห้ามใช้วัตถุอันตรายที่ไม่อนุญาตในการเพาะเลี้ยงไข่ผำ ต้องเลือกใช้เฉพาะปุ๋ยชีวภาพ ปุ๋ยอินทรีย์ หรือสารชีวภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาต ห้ามใช้สารเคมีต้องห้าม เช่น ยาฆ่าแมลง ยากำจัดวัชพืช ที่มีสารตกค้างสูง

4. การจัดการก่อนเก็บเกี่ยว

ในช่วงเพาะเลี้ยง ต้องมีการดูแลปัจจัยการผลิตอย่างเหมาะสม การจัดการความหนาแน่นของผำในแหล่งน้ำ การควบคุมการให้อาหารหรือปุ๋ย การควบคุมคุณภาพน้ำอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ผำมีคุณภาพดี และปลอดภัยสำหรับการบริโภค

5. การเก็บเกี่ยวและหลังการเก็บเกี่ยว

กระบวนการเก็บเกี่ยวไข่ผำต้องเน้นความสะอาดและลดการปนเปื้อน ใช้อุปกรณ์เก็บเกี่ยวที่สะอาดและเหมาะสม หลีกเลี่ยงการสัมผัสผำด้วยมือเปล่าหรืออุปกรณ์สกปรก ผำที่เก็บเกี่ยวแล้วต้องผ่านกระบวนการล้าง บรรจุ และขนส่งอย่างปลอดภัย เพื่อรักษาคุณภาพจนถึงมือผู้บริโภค

6. การพักผลิตผลและการเก็บรักษา

ผำที่เก็บเกี่ยวต้องพักหรือเก็บในภาชนะที่สะอาดและแยกจากวัตถุอันตราย ใช้ภาชนะที่ทำความสะอาดแล้วเท่านั้น เช่น ถังพลาสติกมาตรฐาน หรือถุงอาหารเกรดฟู้ดเกรด หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ร้อนจัดหรือแสงแดดโดยตรง เพื่อคงความสดใหม่

7. บุคลากร

ผู้ปฏิบัติงานในฟาร์มต้องมีสุขลักษณะที่ดี เช่น ล้างมือก่อนจับผลิตผล ต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน เช่น ถุงมือ รองเท้า หมวกคลุมผม ต้องผ่านการอบรมเบื้องต้นเกี่ยวกับสุขอนามัยส่วนบุคคล และการจัดการฟาร์มตามระบบ GAP

8. เอกสารการบันทึกข้อมูล

ต้องจัดทำบันทึกข้อมูลในทุกขั้นตอน เช่น การให้น้ำ การใส่ปุ๋ย การเก็บเกี่ยว และการขนส่ง เอกสารต้องมีความถูกต้อง ครบถ้วน และพร้อมสำหรับการตรวจสอบย้อนกลับได้ การมีระบบบันทึกข้อมูลที่ดีช่วยสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้บริโภคและหน่วยงานรับรอง

การเพาะเลี้ยงไข่ผำตามมาตรฐาน GAP จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดสำคัญ 8 หมวด ได้แก่ น้ำ พื้นที่เพาะเลี้ยง วัตถุอันตราย การจัดการก่อนเก็บเกี่ยว การเก็บเกี่ยวและหลังเก็บเกี่ยว การพักผลิตผล บุคลากร และการบันทึกข้อมูล น้ำที่ใช้ต้องสะอาด ปลอดภัยจากสารปนเปื้อน พื้นที่ผลิตต้องไม่อยู่ใกล้แหล่งมลพิษ และห้ามใช้สารเคมีต้องห้ามในกระบวนการผลิต การเก็บเกี่ยวต้องสะอาดและปลอดเชื้อ เพื่อรักษาคุณภาพของผำ บุคลากรต้องมีสุขอนามัยที่ดี และมีระบบการบันทึกข้อมูลทุกขั้นตอนอย่างละเอียดเพื่อให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ข้อกำหนดเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อยกระดับความปลอดภัยของอาหาร เพิ่มมาตรฐานคุณภาพของผลิตผล และสร้างความยั่งยืนในการผลิตไข่ผำสำหรับตลาดสุขภาพทั้งในและต่างประเทศ

GAP คือแนวทางการผลิตที่ลดความเสี่ยงของการปนเปื้อนในอาหาร ครอบคลุมทั้งความปลอดภัยอาหาร คุณภาพผลผลิต สุขภาพแรงงาน และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ผู้ขอรับรองต้องมีคุณสมบัติที่ชัดเจน เช่น เป็นเจ้าของพื้นที่ สมัครใจเข้าร่วม และไม่เคยถูกเพิกถอนใบรับรอง โดยข้อกำหนดสำคัญของ GAP สำหรับผำครอบคลุม 8 หมวด เช่น น้ำสะอาด พื้นที่ปลอดมลพิษ การควบคุมสารเคมี และการบันทึกข้อมูลอย่างละเอียด เพื่อยกระดับมาตรฐานผำไทยสู่ตลาดสุขภาพระดับโลกอย่างยั่งยืน

เนื้อหาใกล้เคียง